ทำไมต้องเนเธอร์แลนด์ คือ อยากไปสวนทิวลิปมานานแล้ว และตกปากรับคำ ว่าจะพาน้องไปปารีสให้ได้ คือโดนนางเบี้ยวมารอบหนึ่งแล้วจำได้มะ เลยฟินนาเล่กันในทริปนี้
จองตั๋วแบบลงอัมสเตอดัม กลับทางปารีส
ไปถึงสนามบินSchipol ฝากกระเป๋าไว้ก่อน ไปเที่ยวสวนทิวลิปก่อน
อ้อ ควรซื้อholland passนะ มันจะมีvoucherสีเงินและสีทอง แต่ละอันเอาไปใช้เข้าดูโน่นดูนี่ได้ แล้วแต่เราจะเลือกเข้า หรือใช้เป็นส่วนลดได้ตามรายละเอียดของบัตร
คำเตือน สวนนี้เปิดแค่ปีละสองเดือน โปรดเช็คช่วงเวลาให้ดีเน้อ จัดการซื้อHolland passที่สนามบินกันเสร็จสรรพ นั่งรถบัสมาแปบนึง ในpassจะมีตั๋วใช้เข้าชมสถานที่ต่างๆมากมาย
เราเอาvoucherแลกบัตรเข้าสวนทิวลิปกับรถบัสไปสวนทิวลิป
กลับไปเอากระเป๋าที่สนามบินแล้วเข้าเมือง นั่งรถไฟฟ้าแค่ 20-25นาทีเอง เก็บของ เดินเล่นdamsquare
เช้า ออกไปท่องmuseum แวนโกห์ จะไปบ้านแอนน์ แฟรงค์ แต่คิวยาวเว่อร์ เลยไปAmsterdam Arenaแทน (มันแทนกันได้เหรอแกรรร)
วันรุ่งขึ้นเช็คเอาท์ แต่ฝากกระเป๋าไว้ที่รรก่อน
แพลนวันนี้คือ เช้าไปHaarlem กลับมาอัมสเตอดัมแล้วค่อยนั่งรถไฟไปบรัสเซล
ฮาร์เลมเป็นเมืองเล็กๆที่อยู่นอกอัมสเตอดัม เมืองเล็กๆน่ารัก ชอบๆๆๆมีโบสถ์ แต่เอารูปไปไว้ไหนแล้ว(วะ)
กลับมาเอากปแล้วไปนั่งรถไฟ(ที่จองมาจากบ้าน) หลับตลอดทางจำได้ว่าผ่านRotterdamบ้านเกิดRVPด้วย
พอใกล้ถึง มีนักท่องเที่ยวเอเชียมาถามเราเรื่องเส้นทางนี่ล่ะ แต่สำเนียงไทยมา นางใส่เสื้อแมนยูด้วย 555 แอบมองชื่อในตั๋วรถไฟ เห็นนามสกุลยาวเป็นกิโล คนไทยแน่นวลลลล
เลยถามเป็นภ.ไทย “พี่คนไทยป่าวคะ” ป๊าดดดด จากนั้นก็ภ.บ้านเกิดกันมันส์
มาถึงบรัสเซล ก็เดินลากกระเป๋าไปรรที่จองไว้ ขุ่นพระ เป็นอพารทเมนต์ที่เจ้าของชื่อ Danny(จากนี้จะขอเรียกว่าเจ๊แดน) เจ๊เป็นเจ้าของร้านเฟอนิเจอร์ฮิปๆที่ออกแบบเอง อพารทเมนต์นางน่าอยู่มากกกกกก แนะนำเลยใครอยากได้ความเป็นส่วนตัว คือครอบครองอพารทเมนต์สามชั้นกันสองคนพี่น้อง ราวกับบ้านทรายทอง
มาวันแรกก็เจอดีเลย คือหลงทางแบบdefinitely คือ orientateทิศทางผิดหมด จะไปกรองปลาซ (คนเบลเยี่ยมไม่รู้จักนะ หรือกุออกเสียงดีเกิ๊นนน) ได้ใครช่วยชีวิตรู้ไหม คนเวียตนามสองคนที่มาเที่ยว เดินตามๆกันไปนี่ละ
ไปถึงแล้วก็ไม่ใช่จบนะคะ แล้วกรูจะกลับยังไง เออ
ขากลับนั่งแท็กซี่ค่า พี่คนขับคงแบบ ใกล้แค่นี้ทำไมมึงไม่เดินวะ ดวกกกกก
วันรุ่งขึ้นออกเดินทางไปบรู้จ เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นมรดกโลก
นั่งรถไฟออกจากอัมสเตอดัมไปไม่นาน ออกมาก็เดินตามฝูงชนไปเรื่อยๆ
เป็นเมืองเล็กๆที่เงียบๆแต่น่ารักอ่ะ ต้องมาๆๆๆ
ขากลับ เออ เคืองลุงนายสถานีมาก บอกสายรถไฟให้นั่งอ้อม ดวกกกกกกกก
กลับมาเดินกรองปลาซอีกรอบ
เพื่อตามหาชายผู้นี้ เด็กชายตัวน้อยที่ยืนฉี่ไม่อายฟ้าดิน จริงๆมีmissionตามหาดญ นั่งยองๆฉี่ด้วยนะ แต่ไม่เจอ5555
ขากลับเจอเรื่องระทึก ใส่ตัวหนาเลย เจอคนมาเดินตามอ่ะ จริงๆควรดีใจใช่ไหม แต่น่ากลัวมาก เดินตามเรากะน้องตั้งแต่supermarket ไปยันร้านขนมปัง ที่น่ากลัวคือเรากลัวมันรู้ว่าพักที่ไหนแล้วตามมาอีกอ่ะ เดชะบุญ มีรถตำรวจวิ่งผ่านมา เลยวิ่งเข้าชาร์จเลย ฟ้องตำรวจว่ามีชายแปลกหน้าเดินตามค่า ณ ตอนนั้นนับถือคุณตำรวจที่ฟังภ.เราออก เออแบบไวยากรณ์พรั่งพรูมากกก ผช.คนนั้น พอเเห็นเราวิ่งไปหาตำรวจก็เดินหันหลังกลับลิ่วๆไปเลย
มาถึงที่พักเรากะน้องรีบปิดหน้าต่างทุกบาน ตอนนั้นเอามีดในครัวขึ้นไปนอนด้วย
เช้ามาก็ไปgrand palace แบบจากความที่กลัว เลยทำให้เที่ยวไม่สนุกเลย
จริงๆวังก็ใกล้บ้านพักมากนะ เดินมาได้เลย
ตรงข้ามวังเป็นสวน นี่สาบานนะว่ากลัว โพสท์ท่าจัดเต็มมากกกก
เสียดายนะ จริงบรัสเซลมีอะไรให้ดูเยอะ สงสัยต้องกลับไปซ่อมอีกรอบปีหน้า
นั่งรถไฟจาก บรัสเซลไปปารีส
ปารีส
Paris
ขี้เกียจเขียนแล้ว ปารีส มันก็เหมือนๆเดิมแหละ
ถึงตอนนี้เรายังรักปารีสที่สุดนะ ไปบ่อยสุด ถึงมันจะไม่เพอรเฟคน่าอยู่เท่าเมืองใหญ่อื่นๆ
ถึงมันจะอันตราย มีคนดำ มีมิจฉาชีพ (ที่ไม่เคยมาทำอะไรคนจนๆแบบเรา) แต่ก็ยังชอบมากที่สุดอยู่ดี